WordPress คืออะไร โปรแกรมสำคัญ ที่คนทำเว็บไซต์ ต้องรู้

WordPress คืออะไร ?

คือ เว็บไซต์ที่เรียกกันว่า Contents Management System หรือ เรียกอีกอย่างว่า CMS แบบที่หลาย ๆ คนไม่รู้เรื่อง Coding ก็สามารถที่จะใช้ WordPress ในการ สร้างเว็บไซต์ได้ ถ้าหากพูดให้เข้าใจ กันง่าย ๆ ก็เป็นเหมือนกับ โปรแกรมสำเร็จรูป ที่ให้เราได้เข้าไป สร้างหน้าเว็บไซต์ สร้างบล็อก ลงรูปภาพ แบบที่ว่า ไม่ต้องเสียเวลา เขียนเว็บไซต์ขึ้นมาเอง เพราะว่า WordPress นั้นจะมีองค์ประกอบหลัก 3 อย่าง ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าไปทำเว็บไซต์ เองกันได้ง่าย ๆ นั่นก็คื

- WordPress Core Engine ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ที่จะใช้ในการจัดการหน้าต่าง ๆ อย่างหน้า Landing Page และ Post

- Theme ซึ่งเป็นส่วนดีไซน์หน้าตา ของเว็บไซต์ที่มีให้เลือกใช้เยอะมาก ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน และยังปรับแต่งธีมได้เองอีกด้วย

- Plugin ซึ่งเป็นตัวช่วย ในการเพิ่มความสามารถ ให้กับเว็บไซต์ อย่างเช่น การทำหน้ารายการสินค้า การใส่ปลั๊กอิน เพื่อที่จะช่วยในเรื่องของ การทำ SEO

ข้อดีการใช้งาน

1. ประหยัดเงินในการจ้างโปรแกรมเมอร์

หลาย ๆ คนรู้กันว่า ถ้าหากจ้างโปรแกรมเมอร์ ในการทำเว็บไซต์ ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง และการใช้ WordPress จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการ ลดค่าใช้จ่ายในการทำเว็บ เพราะว่าเป็น Opensource ที่จะเข้าไปใช้งานได้ฟรี

2. การดีไซน์สวย เลือกได้ตามชอบ

เพราะว่า WordPress นั้นจะมีธีมให้เลือกใช้งาน ที่เยอะมาก ๆ  อีกทั้งยังปรับแต่ง ได้ด้วยตนเอง จึงช่วยทำให้ เว็บไซต์ดูสวย และไม่ต้องพึ่งพา UX/UI ในการออกแบบ

3. รองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์

SEO จะให้ความสำคัญ กับการทำ Mobile Friendly ถ้าหากเราใช้งาน WordPress ก็จะมีข้อดี ตรงที่ธีม WordPress โดยส่วนมาก มักจะรองรับ และปรับขนาด เพื่อให้เข้ากับอุปกรณ์ ในทุกชนิด อย่างเช่น โทรศัพท์ แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค และคอมพิวเตอร์ เราจึงไม่ ต้องมาปรับแต่งหน้าตา ของเว็บไซต์แยก ในแต่ละอุปกรณ์ นั่นเอง

4. ไม่ต้องเขียนโค้ด

หากใครที่ไม่มีทักษะ ด้านการเขียนโปรแกรม หรือ Coding ก็จะสามารถ ทำเว็บไซต์ WordPress กันได้ เพราะว่า หลังบ้านที่เป็นตัว Eidtor โดยส่วนใหญ่ จะออกแบบมา ในรูปแบบของ Drag and drop ก็คือ การลากชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เราอยากได้ แล้วนำมาวางเป็น ดีไซน์ของเว็บไซต์ กันได้เลย

ข้อเสียการใช้งาน

1. ปัญหาการอัปเดต

WordPress มักจะทำการ อัปเดตเวอร์ชันอยู่บ่อย ๆ เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความปลอดภัย ในด้านการใช้งาน จึงทำให้เว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นเกิดความผิดปกติ ตามมาได้ ซึ่งทางที่ดีเราควรทำ การสำรองไฟล์เว็บไซต์ ในเวอร์ชั่นเดิม กันเอาไว้ก่อน ที่จะทำการอัปเดตในทุกครั้ง เพื่อป้องกัน ข้อมูลสูญหาย นั่นเอง

2. การมีข้อจำกัด ในการปรับแต่ง

สำหรับธีม WordPress หรือปลั๊กอิน ในเวอร์ชั่นฟรี นั้นจะไม่สามารถ ใช้งานฟีเจอร์แบบเสียเงินได้ จึงทำให้บางครั้ง เราต้องทำการจ่ายเงิน เพื่อซื้อเพิ่ม

3. หากติดปลั๊กอินที่เยอะ จะทำให้เว็บโหลดช้า

ถ้าหากทำการติดปลั๊กอินเป็นจำนวนมาก ก็จะส่งผลกระทบให้กับ เว็บไซต์ช้า จึงทำให้หลาย ๆ คน เลือกที่จะจ่ายเงินซื้อปลั๊กอิน ที่สามารถจัดการเว็บไซต์ ได้หลากหลายฟังก์ชัน มากยิ่งขึ้น เพื่อที่เว็บไซต์ของเรา จะได้โหลดเร็ว มากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่า ปลั๊กอินที่ติดตั้ง มีจำนวนน้อยลง นั่นเอง

WordPress ทำเว็บไซต์ประเภทใดได้บ้าง

หลาย ๆ คนก็อาจจะสงสัยว่า การใช้ WordPress นั้นทำเว็บไซต์อะไรได้บ้าง ซึ่งต้องบอกว่า สามารถใช้ทำเว็บไซต์ ได้เกือบทุกประเภท อย่างเช่น

1. เว็บไซต์บล็อก

ซึ่งจะเป็นเว็บประเภท ที่ให้ความรู้ แบ่งปันด้านประสบการณ์ เขียนบทความ SEO หรือการ ทำบล็อกรีวิว ตลอดจนถึง เสนอความคิดเห็น ก็ได้เช่นกัน

2. เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ

หากธุรกิจไหน ที่ต้องการจะเพิ่มยอดขาย หรือสร้าง Brand ด้วยการทำ SEO หรือ SEM ก็จะสามารถใช้ WordPress ในการสร้างเว็บไซต์ ของธุรกิจขึ้นกันมาได้ โดยจะสร้างเว็บไซต์เอง หรือว่าจะใช้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ก็ได้เช่นกัน และในเว็บไซต์ก็อาจจะใส่ ช่องกรอกฟอร์มเพื่อให้คนเข้ามาติดต่อ ขอใบเสนอราคา หรือทิ้งอีเมลไว้ เพื่อให้เราติดต่อกลับ

3. เว็บไซต์ขายของออนไลน์

สำหรับ WordPress ที่จะมีปลั๊กอิน หลากหลายแบบ ที่ได้รองรับ การสร้างเว็บไซต์ ขายของออนไลน์ ได้อย่างเช่น WooCommerce ที่ทำให้สามารถ สร้างลิสต์รายการสินค้า กดสินค้าลงตะกร้า รวมไปถึงการสร้างให้ กดชำระเงินผ่านเว็บไซต์ เลยก็ได้

วิธีการใช้ WordPress

1. การเข้าสู่เว็บไซต์

ถ้าหากเราต้องการ ล็อกอินเข้าสู่ WordPess นั้นให้พิมพ์ https://wordpress.com/wp-admin แล้วก็ใส่ Username และ Password กันได้เลย

2. การเรียนรู้ระบบหลังบ้าน

ถ้าเมื่อเราเข้าสู่หลังบ้าน ก็จะเห็นแถบเครื่องมือ ทางด้านฝั่งซ้ายมือ โดยเราจะใช้สำหรับตั้งค่า หรือจัดทำหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญ ดังต่อไปนี้

- Posts ซึ่งเป็นหน้าจัดการโพสต์ต่าง ๆ เช่น โพสต์บล็อกบทความ

- Media ซึ่งเป็นส่วนอัปโหลดรูป หรือวิดีโอ และไฟล์ต่าง ๆ เข้ามาที่เว็บไซต์

- Pages ซึ่งเป็นหน้าในการสร้าง Landing page ของเว็บไซต์

- Comments ซึ่งเป็นส่วนที่มีเข้ามายังเว็บไซต์ โดยจะเลือกแสดง หรือลบออกก็ได้

- WooCommerce ใช้ในการจัดการสินค้า สำหรับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์

- Appearrence ใช้ในการปรับแต่งธีม

- Plugin ใช้ในการติดตั้งปลั๊กอิน เพื่อเสริมประสิทธิภาพ ให้กับเว็บไซต์

- Users ใช้ในการจัดการ User อย่างเช่น การเพิ่ม Member Team เข้ามา

- Settings ที่เป็นการตั้งค่าในต่าง ๆ อย่างเช่น ตั้งค่าการอ่าน การเขียน ใส่รูปโปรไฟล์ และภาษา เป็นต้น

3. การตั้งค่าเว็บไซต์พื้นฐาน

- Site Title เป็นการใส่ชื่อเว็บไซต์

- Site Tagline การเขียนคำอธิบายสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจ

- Site Address การใส่ชื่อเว็บไซต์

- Site Language การเลือกภาษา ที่เราต้องการใช้

- Time zone การเลือกโซนเวลา ของเว็บไซต์

เมื่อเราตั้งค่าพื้นฐาน กันเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถกด Save Settings กันได้เลย

4. การสร้างหน้าเพจ และหน้าโพสต์ 

- หน้าเพจ ให้เข้าไปที่ Pages แล้วทำการคลิก Add new Page

- สามารถปรับแต่งหน้าเพจ ได้ตามใจชอบเลย โดยการเลือกใส่ Element ที่ต้องการได้ ในรูปแบบของ Drag & Drop

- ซึ่งหน้าเพจที่สร้างขึ้น จะขึ้นมาอยู่ใน Menu Bar ด้านบน ที่เรียกว่าเป็นหน้าหลัก ของเซอร์วิส

- ให้ทำการเข้าไปที่ Posts แล้วกดปุ่ม Add new post

- หน้า Editor ของโพสต์นั้น ซึ่งจะเป็นหน้าที่ไว้ สำหรับเขียนบทความ โดยก็แล้วแต่ตัว Page Builder ที่เจ้าของเว็บไซต์นั้น เลือกใช้กันเลย ว่าจะมีหน้าตา ให้ตั้งค่าหน้าบทความเป็นแบบไหน

- เป็นวิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อจัดทำอันดับบน Google

5. การลองติดตั้ง Plug-in ที่จำเป็น

ปลั๊กอินที่จำเป็น นั้นมีหลายตัว อย่างเช่น Yoast SEO, Contact Form 7, หรือ ShortPixel เป็นต้น ซึ่งวิธีการติดตั้ง ก็ง่ายมาก ๆ ซึ่งสามารถทำตามได้เลย

- ให้เข้าไปที่ Plugins แล้วก็พิมพ์คำค้นหา ของปลั๊กอิน ที่เราต้องการ

- หากเราเจอกันแล้ว ก็ให้ทำการกดที่ Activate ตัวปลั๊กอิน แล้วสามารถใช้งาน กันได้เลย

สรุปบทความ

WordPress เป็นโปรแกรมที่จะช่วยทำให้ทุกคน ลงมือทำเว็บไซต์ ได้ด้วยตนเอง โดยที่ไม่จำเป็น จะต้องเขียนโค้ดกันเลย เพราะว่า WordPress นั้นจะมีฟังก์ชัน ที่รองรับการใช้งาน ด้วยการสร้างเอง ในทั้งหมด หรือหากใครมีข้อสงสัย ในการทำ WordPress ก็สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ https://edenagencys.com/ ได้เลยค่ะ