Ahrefs คืออะไร สุดยอด SEO ที่ต้องรู้แบบละเอียด
Passorn - Sep 25 2023

Ahrefs คืออะไร สุดยอด SEO ที่ต้องรู้แบบละเอียด


หากใครที่กำลังสนใจ เครื่องมือ Ahrefs กันอยู่ล่ะก็ เราบอกเลยว่าเป็นเครื่องมือยอดฮิต สำหรับคนที่ทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก่า เพราะด้านการใช้งาน ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ฉะนั้นมาทำความรู้จักกับ Ahrefs คืออะไร สุดยอด SEO ที่ต้องรู้แบบละเอียด


Ahrefs คืออะไร สุดยอด SEO ที่ต้องรู้แบบละเอียด

Ahrefs คืออะไร ?

Ahrefs ก็คือ เครื่องมือสำหรับผู้ที่ทำเว็บไซต์ และ SEO ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ และติดตามประสิทธิภาพ ของการทำ SEO ให้กับ Website จึงทำให้หลาย ๆ คนที่ทำเว็บไซต์ รู้ว่าควรที่จะทำการ ปรับปรุงเว็บไซต์ ในด้านใดบ้าง ถึงจะเป็นที่ถูกใจของ Search Engine อย่าง Google โดยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการ จัดอันดับของคีย์เวิร์ด ต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น และรวมไปถึง ในแง่ของ คุณภาพของ Website เองก็จะต้องถึงเกณฑ์ที่ทาง Google กำหนดเช่นกัน

ฟีเจอร์ของ Ahrefs ที่จัดเป็นหมวดหมู่สำคัญ มีดังนี้

- ฟีเจอร์ช่วยวิเคราะห์ภาพรวม ของเว็บไซต์

- ฟีเจอร์ของ Keyword Research

- ฟีเจอร์ของ Competitor Research สำหรับทำ SEO

- ฟีเจอร์ของ Link Building

- ฟีเจอร์สำหรับทำ SEO Audit

- ฟีเจอร์สำหรับทำ Tracking

- ฟีเจอร์สำหรับทำ Content Marketing

1695623296.3png

Ahrefs ใช้งานฟรี

ซึ่งการใช้งาน Ahrefs ที่จะสามารถใช้ได้ ในเวอร์ชันฟรี โดยจะมีฟีเจอร์ ให้เลือกใช้งาน ที่หลากหลายตัว ด้วยกัน อย่างเช่น

  1. Free Keyword Generator

    ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับทำคีย์เวิร์ด Research ซึ่งจะสามารถ ทำการค้นหา แยกในแต่ละ Search Engine ได้อย่าง Google, Bing, YouTube และ Amazon รวมไปถึงการค้นหาการเลือกเฉพาะบางประเทศ โดยหลังจากที่ทำการค้นหา เราจะเห็นได้ว่ารูปแบบของ คีย์เวิร์ด จะขึ้นมาให้เลือกดู 2 รูปแบบคือ

- Phrase Match นั้นก็คือ คำค้นหาที่มีคำที่เราต้องการปะปนอยู่ด้วย อย่างเช่น หากเราค้นหาคำว่า ออนไลน์ ในคำคีย์เวิร์ด ที่มีมาให้ ก็จะมีคำว่าออนไลน์ อยู่ในนั้นด้วย

- Questions นั้นก็คือ เป็นคำถามที่ผู้คน หาเกี่ยวกับคำนั้น ๆ อย่างเช่น สินค้าออนไลน์ขายอะไรดี, เรียนปริญญาโทออนไลน์มีที่ไหนบ้าง เป็นต้น

แต่ในเวอร์ชันฟรีนี้ จะใช้ฟีเจอร์ที่จำกัดอยู่ที่ 10 คำ หรือถ้าหากอยากมองเห็น รายละเอียดมากยิ่งขึ้นก็จะต้อง Sign up เพื่อซื้อแพ็คเกจเพิ่มเติม นั่นเอง

  1. Keyword Difficulty Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีจาก Ahrefs ที่จะใช้สำหรับ เช็กความยากง่ายของคีย์เวิร์ด เพื่อที่จะประเมินว่า คีย์เวิร์ดนั้นมีคู่แข่งที่เยอะหรือไม่ ? แล้วเราควรที่จะเข้าไป ทำการแข่งขันหรือเปล่า ขั้นตอนก็เพียงแค่กรอกคีย์เวิร์ด ที่ต้องการค้นหานั้นลงไป และเลือกประเทศที่ต้องการ แล้วก็กด Check Keyword ซึ่งก็จะมีค่าต่าง ๆ อย่าง DR, UR, Backlink, Domains, Traffic และ Keywords โดยให้ใช้พิจารณาว่า เป็นคู่แข่งที่จะสามารถ ทำการแข่งขันได้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียด ของค่าต่าง ๆ มีความหมายดังนี้

- Domain Rating หรือว่า DR ก็คือ คะแนนของชื่อเว็บไซต์ อย่าง Domain ที่ได้มาจากการที่ เว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งดูได้จาก Backlink ที่ได้รับมา

- URL Rating หรือว่า UR ก็คือ คะแนนของ URL ของหน้าเว็บเพจ อย่าง Ahrefs โดยจะให้คะแนนตั้งแต่ 0 -100 ซึ่งดูได้จาก Backlink

- Backlinks ก็คือ จำนวนแบลคลิงก์ ที่หน้านั้น ๆ ได้รับ

- Domains ก็คือ จำนวนโดเมนที่ได้ติดใน SERPs

- Traffic ก็คือ ปริมาณของผู้คนที่เข้ามา เยี่ยมชมเว็บไซต์นั้น ๆ ในกลุ่มคีย์เวิร์ด ที่ได้ค้นหา

- Keywords ก็คือ จำนวนของคีย์เวิร์ด ที่หน้าเว็บเพจติดอันดับ

  1. SERP Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับ ตรวจสอบผลลัพธ์การค้นหา ของคู่แข่งว่า ในคีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับ มีใครได้อันดับแรก ๆ กันบ้าง และพวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน เราสามารถที่จะทำ การแข่งขันได้หรือไม่ โดยที่ให้เรา ทำการเข้าไปที่ SERP Checker แล้วก็พิมพ์คำค้นหา ที่เราต้องการ จากนั้นกดเลือกประเทศ และกด Check SERP ผลลัพธ์ของคู่แข่ง ก็จะปรากฏขึ้นมานั่นเอง
  2. Keyword Rank Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับ การตรวจสอบเว็บไซต์ ในคีย์เวิรด์ ที่เราต้องการ โดยดูว่าใน Keyword นั้นที่เว็บไซต์ของเรา กำลังทำอันดับอยู่นั้น ตอนนี้ขึ้นอันดับอยู่ที่เท่าไหร่
  3. Backlink Checker

    ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ ในการตรวจสอบจำนวนของ Backlink ที่จะอ้างอิงกลับมายังเว็บไซต์ ซึ่งให้ทำการใส่โดเมน ของเว็บไซต์ที่ต้องการตรวจสอบ และก็เลือกได้ว่าจะ ตรวจสอบแบลคลิงก์ ในรูปแบบใด อย่างเช่น ตรวจสอบ Backlink เพียงแค่หน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ( Exact URL ) หรือว่าจะ ตรวจสอบทุกหน้า และก็รวมทุก Subdomain ของเว็บไซต์ หลังจากนั้น ก็ให้กด Check backlinks มันก็จะบอกว่า Website ที่ค่า DR อยู่ที่เท่าไหร่ และได้รับ Backlink มาเท่าไหร่ และรวมไปถึงการมี Linking Websites เท่าไหร่นั่นเอง
  4. Website Authority Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือในการ เช็กความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เพื่อที่จะดูว่า ในสายตาของ Google เว็บไซต์ของเรา มีคุณภาพมาก - น้อยแค่ไหนกัน ซึ่งจะเป็นการวัดผลเฉพาะของ Ahrefs โดยเราสามารถที่จะนำ โดเมนของเรา เข้ามาเช็กกันได้เลยแบบฟรี ๆ เมื่อเราเช็กโดเมนมันก็จะมีข้อมูลของ Domain Rating ขึ้นมา ซึ่งมีจำนวนแบลคลิงก์ ที่รวมไปถึงบอก % ของ Dofollow Link มาให้ด้วย และก็จะบอกว่ามี Linking Websites อยู่ที่เท่าไหร่
  5. Broken Link Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ใน การตรวจสอบลิงก์เสียบนเว็บไซต์ ซึ่งเราจะดูว่ามีลิงก์จุดไหนบ้าง ที่ใช้งานไม่ได้ อย่างเช่น หน้า 404 not found เป็นต้น วิธีใช้ก็จะง่ายมาก เพียงแค่เราทำการ พิมพ์โดเมนเว็บไซต์ลงไป แล้วก็คลิก Check Broken links มันก็จะขึ้นมาว่าหน้าไหนเสียบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้าไป Edit ลิงก์นั้น เพื่อให้สามารถ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
  6. Website Traffic Checker

    ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบ Organic Traffic ที่จะเข้ามายังเว็บไซต์โดยภาพรวม เพื่อที่จะดูว่า คีย์เวิร์ดไหนที่เรียก Traffic เข้ามาได้เยอะ และคนที่เข้ามาเขามาจากไหนบ้าง ซึ่งเราแค่ทำการ กรอกโดเมนของเว็บไซต์ และคลิกที่ Check Traffic ซึ่งผลที่ได้จะมีตัวเลขที่บอกถึงจำนวน Organic Traffic ของเว็บไซต์ และมี Traffic value ที่ตีเป็นมูลค่าเงิน คิดเป็นเงินประมาณเท่าไหร่ กลุ่มประเทศที่เข้ามาด้วยคีย์เวิร์ด และมี Top Keyword เป็นคำว่าอะไร รวมไปถึงสรุปเพจที่เรียก Traffic มาให้ได้มากด้วยว่า มาจากหน้าไหนบ้างนั้นเอง

    Ahrefs มี SEO Tools ที่น่าสนใจอะไรอีกบ้าง ?

    หากเรายังไม่แน่ใจว่า Ahrefs นั้นเหมาะกับเราหรือไม่ ก็ยังมี SEO Tools ตัวอื่น ๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ เพื่อทดแทน ได้ด้วยเช่นกัน โดยเลือกใช้ได้ ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน กันได้เลย อย่างเช่น

    - Google Search Console ( ใช้งานฟรี )

    ซึ่งจะเป็นเครื่องมือจาก Google ที่จะช่วย ตรวจสอบคุณภาพ และข้อผิดพลาด ในด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ภายในเว็บไซต์ รวมไปถึงการใช้ในการ เช็กคีย์เวิร์ด ได้ด้วย

1695623296.4png

- Ubersuggest ( ที่มีทั้งฟรี และเสียเงิน ) 

ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ทำ SEO โดยจะมีหลากหลาย ฟีเจอร์ อย่างเช่น การใช้ดูภาพรวม ของ SEO Performance โดยรวม, การรายงานผลของ อันดับของเว็บไซต์, ฟีเจอร์ที่ใช้ดูว่า เว็บไซต์มีปัญหา ในด้านใดบ้าง ที่ควรจะแก้ไข เป็นต้น

1695623296.5png

- Semrush ( ที่มีทั้งฟรี และเสียเงิน )

ซึ่งจะเป็นเครื่องมือ ที่มีความคล้ายๆ กับ Ahrefs ซึ่งจะมีฟีเจอร์ ที่มากมาย ให้เราใช้งาน สำหรับการทำ SEO อย่างเช่น การใช้ทำโดเมน และ Keyword Analytics, การใช้ทำ Position Tracking, การใช้ทำ Backlinks Advertising Research และรวมถึง  Keyword Report เป็นต้น

1695623296.6png

- Google Trends ( ใช้งานฟรี ) 

โดยเป็นเครื่องมือจาก Google ที่ใช้ดูแนวโน้ม หรือเทรนด์ ในการค้นหา ของแต่ละคน ตามช่วงเวลา ซึ่งเหมาะนำมาเป็น ไอเดียทำคอนเทนต์ หรือใช้ทำคีย์เวิร์ด ค้นหา 

1695623296.7png

- Yoast ( ที่มีทั้งฟรี และเสียเงิน ) 

ซึ่งจะเป็น Plugin ที่จะช่วยปรับแต่ง องค์ประกอบที่สำคัญ ในการทำ SEO หรือ ( Technical SEO )

สรุปบทความ Ahrefs

เราจะเห็นได้ว่าจุดเด่นของ Ahrefs นั้นเป็นเครื่องมือในแบบ All-in-one สำหรับผู้ที่ทำ SEO ก็ว่าได้ เพราะว่ามีฟีเจอร์ ที่หลากหลาย อย่างเช่น การหา Insight จากเว็บไซต์ของเราเอง หรือจะใช้สืบหา Insight ด้าน SEO จากคู่แข่งก็ได้เช่นกัน โดยใช้สำหรับทำ SEO Audit ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการใช้ทำ คำค้นหาคีย์เวิร์ด ได้อย่างดี ฉะนั้นแล้ว Ahrefs จึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะมากๆ สำหรับ SEO Marketer, การตลาดออนไลน์, เจ้าของเว็บไซต์, นักเขียนคอนเทนต์, Content Writer, เจ้าของธุรกิจ ที่มีเว็บไซต์ เพราะเราสามารถ ที่จะใช้ฟีเจอร์ของ Ahrefs เพื่อที่จะตอบโจทย์อาชีพ ที่เราทำกันอยู่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของการทำ SEO ของเว็บไซต์ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ได้นั่นเอง






อ่านบทความเพิ่มเติม
ติดอันดับ SEO ด้วยการทำ Content Gap ที่ไม่ควรพลาด
แผนการตลาดออนไลน์ คืออะไร? พร้อมทั้งแนะนำขั้นตอนการวางแผน ที่ถูกต้อง
Cinque Terre

Passorn

เป็นนักเขียนคอนเทนต์ที่ชื่นชอบในการเขียน และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
หรือเรียกได้ว่าเป็นความสนใจเฉพาะด้านอย่างมากที่ได้นำความเชี่ยวชาญมาสู่งานเขียน
อีกทั้งยังได้เขียนคอนเทนต์ที่มีความรู้เกี่ยวกับด้านการตลาด SEO และ Digital Marketing
ที่ได้แบ่งปันความรู้ ให้กับผู้อื่น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คอนเทนต์ที่ภัสสรได้นำเสนอผ่านเว็บไซต์
จะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้เป็นอย่างมาก

View Profile

ผลงานของเรา

รับข่าวสารเพิ่มเติม

line line