สรุป Google Algorithm 2023 อัปเดตอะไรบ้าง จะมีทิศทางอย่างไร?
Pai - Sep 06 2023

สรุป Google Algorithm 2023 อัปเดตอะไรบ้าง จะมีทิศทางอย่างไร?


สาระสำคัญวันนี้ เราจะมาดู สรุป Google Algorithm 2023 อัปเดตอะไรบ้าง จะมีทิศทางอย่างไร? โดยรวมแล้ว Google Algorithm 2023 นี้เป็นการเน้นย้ำให้ผู้ทำ SEO เพื่อสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านจริงๆ เนื้อหามีความชัดเจนไปในหมวดหมู่เดียวกัน มีข้อมูลที่เป็นความจริง หากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพจริงๆ จึงจะไม่ได้รับผลกระทบจากการอัปเดตนี้


สรุป Google Algorithm 2023 อัปเดตอะไรบ้าง จะมีทิศทางอย่างไร?

แต่เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก Google ได้อย่างเต็มที่และต้องได้ประโยชน์อย่างสูงสุด เราจึงมีความจำเป็นต้องเข้าใจหลักการทำงานของ “Google Search Algorithm“ ที่เกี่ยวกับวิธีการจัดอันดับเว็บไซต์ และการแสดงผลการค้นหา โดยที่นิยมเรียกกันว่า Search Engine Optimization หรือ SEO นั่นเอง เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรปรับปรุง และเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของธุรกิจของคุณ อย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

อย่างที่ทราบกันว่า อัลกอริทึมของ Google นั้นมีการอัปเดต เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าแทบจะมีการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ในทุกปี ปีละหลาย ๆ ครั้งเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น บทความนี้จะมาอัปเดตเกี่ยวกับ Google Algorithm 2023 เพื่อช่วยให้คนทำ SEO ได้รับทราบกันว่า เราจะสามารถทำให้เว็บไซต์ของเรา หรือธุรกิจของเรา มีคุณภาพในสายตาของทาง Search Engine ขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง

 

แต่ก่อนอื่นเลยนะคะ หากคุณอยากทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับ Google Algorithm เพิ่มเติม เราจะพาคุณไปรู้จักสิ่งเหล่านี้กันก่อนดีกว่าค่ะ :)

 

Google Algorithm นั้นคืออะไร?

ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมาย บนโลกออนไลน์หลายพันล้านเว็บไซต์ก็ว่าได้ จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะสามารถค้นหาข้อมูลจริง ๆ ที่เราต้องการจากทุกเว็บไซต์ที่มีอยู่ได้ หากเป็นแบบนั้นแล้ว เวลาเราค้นหาคีย์เวิร์ด ( Keyword ) แล้วเครื่องมือจึงจะแสดงผลการค้นหาให้เราอย่างไรล่ะ? นั่นเป็นเหตุผลสำคัญ ว่าทำไมจึงต้องมี Google Algorithm นั่นเองค่ะ

 

Google Algorithm หมายถึง ระบบเบื้องหลังของเครื่องมือค้นหา เพื่อการจัดอันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อจะเป็นการคัดเลือกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่คนค้นหามากที่สุดขึ้นมาแสดง อาจกล่าวถึงกระบวนการทำงานง่าย ๆ ได้ว่าเป็นการ “ค้นหา – จัดอันดับ – แสดงผลลัพธ์ให้ใกล้เคียงมากที่สุด กับสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการได้เร็วที่สุด” นั่นเองค่ะ

1693967050.3jpg

 

จากที่เรากล่าวไปว่า Google Algorithm จะมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลานั้น ก็เพื่อพัฒนาผลการค้นหาให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เราเองก็ต้องติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ทราบว่า ณ ตอนนี้รูปแบบของ Algorithm เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง? และเราควรจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้การทำ SEO ได้ผลดีที่สุด นั่นเพราะ

- การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ของ Google Algorithm มันส่งผลต่อการจัดอันดับแสดงผลโดยตรง ทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้

- Google เองจึงเปรียบเสมือนผู้คุมกฎ โดยหากเว็บไซต์ไหนที่ยอมปฏิบัติตามกฎ-กติกา ก็จะได้ผลลัพธ์การจัดอันดับที่ดี และได้รับการมองเห็นเพื่อนนั่นเองค่ะ

 

ปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ การจัดอันดับของ Google Algorithm 2023

หากเราพูดถึงคำว่า Google Algorithm 2023 ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำ SEO โดยสำหรับสิ่งแรกที่เรานึกถึง มักจะเป็นปัจจัยสำคัญการจัดอันดับค้นหาของ Search Algorithm หรืออจจะกล่าวง่าย ๆ หมายความว่าเราต้องรู้ว่า Google เขาใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ไหนยังไงบ้าง หากจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว Google เองเขาก็ไม่เคยมีประกาศออกมาเลย ในแบบทางการว่าใช้ปัจจัยใดบ้าง แต่สำหรับคนทำ SEO เราต่างก็เชื่อกันว่ามีปัจจัยการจัดอันดับ ที่มันมากกว่า 300+ ปัจจัยเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้รู้แน่ชัดหรอกค่ะ ว่ามันมีอะไรบ้าง ก็เพราะว่า Google Algorithm มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

 

พิเศษมากกว่า เพราะว่าในบทความนี้ เราได้ทำการรวบรวมปัจจัยการจัดอันดับ ที่มีความโดดเด่นที่สุดของ Google Algorithm 2023 ที่ได้อัปเดต เรารวบรวมไว้แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ

 

ปัจจัยทางด้านโดเมน ( Domain Factors )

- การมีคีย์เวิร์ด ( Keyword ) ที่ปรากฏอยู่ในโดเมน ( Keyword Appears in Top Level Domain ) โดยในปัจจัยนี้ มันก็อาจไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีในการทำ SEO โดยตรง แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ทาง Google Algorithm ได้มองเห็นถึงความเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็ยังทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ดีมากขึ้นด้วยว่า เว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร โดยจะนำมาซึ่งอัตราการคลิกที่มากขึ้น

- การใส่คีย์เวิร์ดไว้ในเว็บไซต์ที่ถูกแยกจากโดเมนหลัก ( Keyword in Subdomain ) โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญของ Moz ได้ออกมายอมรับว่า การใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน Subdomain นั้น สามารถช่วยในเรื่องของการจัดอันดับได้จริงค่ะ

- อายุโดเมน ( Domain Age ) จริง ๆ แล้วแม้คนทำ SEO ส่วนใหญ่ก็จะมองว่าอายุของโดเมนมีผลต่อการจัดอันดับ แต่ทาง John Mueller เขาเคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโดเมนเก่าหรือโดเมนใหม่ อายุโดเมนมันก็ไม่มีผลต่ออันดับของเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา แต่ส่งผลด้านบวกในเรื่องของ Backlink อยู่ด้วยค่ะ

 

ปัจจัยหน้าเพจเว็บ ( Page-Level Factors )

- การใส่คีย์เวิร์ด โดยใส่ไว้ใน Description Tag (Keyword in Description Tag) โดยทาง Google ยังคงไม่ได้ใช้เรื่องนี้เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ แต่การใส่คีย์เวิร์ดลงในไป Description Tag ด้วย จะช่วยทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้มากขึ้น และอาจส่งผลต่ออัตราการคลิกที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของ SEO

- การใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน H1 ( Keyword Appears in H1 Tag ) สำหรับการใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน H1 หรือที่นิยมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Second Title Tag” จะช่วยส่งสัญญาณด้านบวกให้ Google ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าเพจนั้นกับคีย์เวิร์ดที่ใช้

- TF-IDF ถือเป็นเทคนิคการคัดแยกคำตามความสำคัญ โดยที่การให้น้ำหนักคำในแต่ละคำ ซึ่ง Google ได้นำเทคนิคที่แม่นยำและซับซ้อนมาใช้ในการค้นหาว่ามีคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ปรากฏอยู่ในบทความมากแค่ไหน หากพบคำนั้นได้บ่อย ก็จะทำให้ Google มองเห็นถึงความสัมพันธ์ของเพจและคีย์เวิร์ดดังกล่าวได้

- ความยาวของคอนเทนต์ ( Content-Length ) นับได้ว่าเป็นปัจจัยนี้มีผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ SEO เพราะว่าเนื้อหาที่มีความยาวมากกว่า ย่อมอธิบายรายละเอียดได้ดีกว่าเนื้อหาสั้น ๆ โดยมีผลการศึกษาออกมาว่า ผลการค้นหาในหน้าแรกของ Google จะเป็นบทความที่มีความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 1,400 คำ

- การทำสารบัญ ( Table of Contents ) นั้นสามารถช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น กล่าวก็คือ รู้ว่าเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร พูดถึงอะไรบ้าง

- การปรับปรุงคุณภาพของรูปภาพบนเว็บไซต์ ( Image Optimization ) สำหรับในการตั้งชื่อไฟล์, Alt Text, Title, Description และ Caption ของรูปภาพ เพื่อให้ Google รู้ว่ารูปนี้เกี่ยวข้องกับเพจอย่างไร อีกทั้งรูปเหล่านี้ยังมีโอกาสถูกจัดอันดับใน Search Image อีกด้วย

- การทำเนื้อหาที่อัปเดต ใหม่ ทันเหตุการณ์ และทันสมัย ( Content Recency ) โดยเฉพาะการค้นหาที่เป็น Time-Sensitive หลังจากที่ Google เขาได้ทำการอัปเดต Google Caffeine เขาก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการแสดงวันที่ที่หน้าเพจนั้น ๆ ที่ได้ทำการเผยแพร่เอาไว้ด้วย

- การใส่คีย์เวิร์ดใน Title Tag นั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ในหมู่คนทำ SEO ว่า การใส่คีย์เวิร์ดใน Title Tag นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง แต่ในปี 2023 กลับต่างออกไป เพราะคีย์เวิร์ดใน Title Tag อาจไม่ได้จำเป็นมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ว่าเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงส่งผลดีต่อการทำ On-Page SEO เหมือนเดิม

- การวางคีย์เวิร์ดไว้เป็นคำแรกของ Title Tag ในส่วนนี้ได้ อ้างอิงจาก Moz ที่ระบุว่า การวางคีย์เวิร์ดไว้เป็นคำแรกของ Title Tag จะมีโอกาสทำอันดับได้ดีกว่าการเอาไว้ที่ส่วนท้าย

- ประวัติการอัปเดตหน้าเพจ ( Historical Page Updates ) หากเรายิ่งเราอัปเดตเนื้อหาบ่อยมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เนื้อหามีความสดใหม่สำหรับ Google มากขึ้นเท่านั้น

- การให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ด ( Keyword Prominence ) โดยการวางคีย์เวิร์ดไว้ใน 100 คำแรกของบทความจะทำให้ Google รู้ได้ทันทีตั้งแต่แรกว่า หน้าเพจนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร

- การใส่คีย์เวิร์ดไว้ในหัวข้อย่อยอย่าง H2, H3 ( Keyword in H2, H3 Tags ) นี่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณเล็ก ๆ ให้ Google มองเห็นและเข้าใจในโครงสร้างของหน้าเพจนั้น ๆ มากขึ้น

- การทำ External Link ออกไปหาเว็บไซต์ที่การันตีคุณภาพ ( Outbound Link Quality ) จึงถือเป็นการส่งสัญญาณ เพื่อบอก Google ถึงความเกี่ยวข้องกัน ในระหว่างเพจของเราและเพจที่ส่ง External Link ออกไป แต่ถ้าหากมีมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อการจัดอันดับได้

- การสะกดคำ ไวยากรณ์ ที่มีความถูกต้อง Grammar and Spelling โดยที่การสะกดคำ หรือว่าในการใช้หลักไวยากรณ์ให้ถูกต้อง เรียกได้ว่าเป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของเว็บไซต์ได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

- คุณเป็นต้นฉบับของเนื้อหา Original Content ซึ่งเนื้อหาที่เขียน จะต้องมีความเป็นต้นฉบับ เพราะว่าถ้าหากคัดลอกมา มันก็อาจไม่ถูกจัดอันดับใด ๆ เลย

- รองรับการใช้งานบนมือถือ ( Mobile-Friendly Update ) โดยทาง Google จะให้คะแนนกับเว็บไซต์ที่ได้ผ่านการรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ อาทิ สมาร์ทโฟน ไอแพด แท็บเล็ต เป็นต้น

- การซ่อนเนื้อหาต่าง ๆ บนมือถือ Hidden Content on Mobile โดยที่เนื้อหาที่ทำการซ่อนไว้บนมือถือ มันอาจไม่ได้รับการประเมินจากทาง Google เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเป็นเนื้อหาสำคัญ คุณจึงไม่ควรซ่อนเด็ดขาด

- จำนวนลิงก์เสีย ยิ่งถ้าหากเว็บไซต์มีลิงก์เสีย (Broken Link) มากเกินไป จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ไม่ได้รับการดูแล ซึ่งจะส่งผลต่อการวัดผลคุณภาพเว็บไซต์

- ความยาก-ง่ายของเนื้อหาที่เขียนขึ้นมา ( Reading Level ) โดยทาง Google จะมีการให้คะแนนระดับความยาก-ง่ายด้วย ในเรื่องของการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์เอาไว้นั่นเอง

- การจัดทำโดเมน ( Domain Authority ) ถ้าหากทุกปัจจัยที่ใช้ตัดสินเท่า ๆ กันหมด เว็บไซต์ไหนที่มี Domain Authority หรือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่า เว็บนั้นก็จะมีอันดับที่สูงกว่าเสมอ

- ความยาวของ URL ( URL Length ) หากเว็บไหน ที่มี URL ยาวมากเกินไป อาจส่งผลให้ Search Engine หาคุณไม่เจอ และจากกรณีศึกษา ได้ถูกพบว่า URL แบบสั้นมีแนวโน้ม สำหรับการทำอันดับได้ดีกว่าอีกด้วย

- เรื่องหัวข้อและลำดับตัวเลข ( Bullets and Numbered List ) โดยที่สัญลักษณ์อย่างพวกตัวเลข และการจัดหัวข้อ เพื่อช่วยทำให้ผู้ใช้งานอ่านเนื้อหาได้ดี เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทาง Google เอง เขาก็น่าจะเห็นด้วย และยังชอบการจัดเนื้อหาด้วยตัวเลขและหัวข้อย่อยต่าง ๆ เช่นเดียวกันค่ะ

 

ปัจจัยของเว็บไซต์ ( Site-Level Factors )

- เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ จะต้องมีคุณค่า มีเอกลักษณ์และต้องไม่ซ้ำใคร โดยทาง Google ระบุว่า Google ยินดีที่จะลงโทษเว็บไซต์ ที่ไม่ยอมนำเสนออะไรใหม่ ๆ เลย

- ในการสร้างหน้า Contact Us Page ซึ่งทาง Google ก็ได้ระบุไว้ใน The Google Quality Document ว่า ทาง Google ชื่นชอบเว็บไซต์ที่มีข้อมูลมากมาย ที่จะสามารถสำหรับติดต่อที่เหมาะสม เพื่อเป็นการช่วยสร้างความน่าเชื่อถือแก่เว็บไซต์ได้มากขึ้น

- การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ Site Architecture โดยสำหรับเว็บไซต์ที่สร้าง Site Architecture ที่ดีมากกว่า จะช่วยให้ทาง Google เขาสามารถจัดระเบียบข้อมูลเนื้อหาได้ง่ายกว่า

- โหมด Site Uptime การที่เว็บไซต์ของเราอยู่ในโหมด Site Maintenance หรือว่า Server เกิดมีปัญหา หรือหากมี Downtimes เป็นจำนวนมากมาย จะส่งผลเสียมากมายต่ออันดับเว็บไซต์ และอาจจะทำให้ยกเลิกการจัดอันดับออกไปเลย

- ตำแหน่งที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ ( Server Locatio) สำหรับปัจจัยนี้จะมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับการทำ Local SEO โดยเราต้องดูว่า เรามีความต้องการให้เว็บไซต์ของตนเองทำได้ดีในพื้นที่ไหน

- จำนวนรีวิวที่เกิดขึ้นจริง จากผู้ใช้งานและชื่อเสียงของเว็บไซต์ของคุณ ( User reviews/Site reputation ) – เว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง ถือว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ ถือเป็นมาตรฐาน ในเรื่องของประสิทธิภาพเกี่ยวกับประสบการณ์ตรง ของผู้ใช้งานกับหน้าเว็บไซต์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการให้คะแนน UX สำหรับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับโดยตรงอีกด้วยค่ะ

 

ปัจจัยทางด้าน Backlink ( Backlink Factors )

- อายุโดเมนของ แบคลิงก์ ( Backlink ) ที่ถูกส่งกลับมา โดยที่โดเมนที่มีอายุมาก ก็จะมีพลังที่ส่งกลับมากับ Backlink มากกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เป็นโดเมนใหม่

- จำนวนของโดเมน ที่ทำการ แบคลิงก์ ( Backlink ) กลับมา ซึ่งอย่างที่เราได้ทราบกันดีว่า จำนวนโดเมนที่ถูกอ้างอิงกลับมา ยังเว็บไซต์ของเรานั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของทาง Google ยิ่งมันมีมากเท่าไร ก็ยิ่งถือว่าเว็บไซต์ นั้นมีคุณภาพมากเท่านั้น

- จำนวนหน้าของเพจที่ได้ทำการลิงก์มา โดยเป็นจำนวนรวมของเพจที่ทำ Backlink กลับมา แม้ว่าจะมาจากโดเมนเดียวกัน แต่มันก็ส่งผลต่อการจัดอันดับได้

- Authority ของเพจ ที่ถูกทำการลิงก์มา ซึ่ง Authority หรือ Page Rank ของเว็บไซต์ที่จะทำการส่ง Backlink มา ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ในการจัดอันดับ SEO ตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน

- Authority ของโดเมนที่ได้ลิงก์มา สำหรับโดเมนที่อ้างอิงมา โดยส่วนใหญ่มีส่วนสำคัญในการเพิ่มคุณค่าของเพจได้อีกด้วย

- ความหลากหลาย ในประเภทลิงก์ ( Diversity of Link Types ) ซึ่งการที่ Backlink มาจากเว็บไซต์เดียวกัน ในจำนวนมากเกินไป หรือว่าได้มาโดยไม่เป็นธรรมชาติ ทาง Google เค้าก็อาจมองว่าเป็นสแปมได้ด้วย เพราะฉะนั้น Backlink ที่จะได้กลับมา ควรเป็นลิงก์ที่ได้มาจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อความเป็นธรรมชาติ และมีความน่าสนใจมากขึ้น

1693967050.4jpg

 

 

สรุปสาระสำคัญ

จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า การทำ SEO นั้นจำเป็นที่จะต้องตาม Google Algorithm ให้มีความอัปเดตอยู่เสมอ นั่นเพราะกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมันส่งผลกระทบค่อนข้างมากในการจัดอันดับเว็บไซต์ และในทุก ๆ ครั้ง ที่ทาง Google เองก็ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร ที่มันมากกว่าการบอกให้คนทำเว็บไซต์ทุก ๆ คน ได้โฟกัสที่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ ( Content ) ที่การันตีมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้อ่านที่รักทุกท่าน ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ต้องการค้นหามากที่สุด เมื่อนั้นเว็บไซต์เราก็จะสามารถขึ้นไปอยู่บนอันดับแรก ๆ ได้ขึ้นแสดงบนหน้าผลการค้นหาของ Google ได้ไม่ยากเลยค่ะ

 

ถ้าหากคุณนั้นเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบมากมาย จากการอัปเดต Google Algorithm 2023 แล้วยังรู้สึกว่า เห้อ ยุ่งยากมาก จุกจิก กวนใจจนตามไม่ค่อยทัน หากจะต้องเอาเวลามาทุ่มเทกับการพัฒนาและอัปเดตเว็บไซต์อย่างเดียว มันก็ดูจะเสียเวลา ทำให้ไม่มีเวลาไปสนใจส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจให้ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้น แนะนำว่าให้ร่วมมือกับเอเจนซีชั้นนำ ที่เรา รับทำ SEO เพื่อช่วยลดเวลา และเสริมสร้างประสิทธิภาพที่ดี ให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจของคุณดียิ่งขึ้น โดย Eden Agency ของเรามีผู้เชี่ยวชาญมากมาย ที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกด้านเกี่ยวกับการตลาด ช่วยเหลือ และสร้างแบรนด์ของคุณให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนค่ะ






อ่านบทความเพิ่มเติม
เช็คเลย 20 อาชีพที่AIทำแทนมนุษย์ไม่ได้ มีอะไรบ้าง
Invideo เครื่องมือทำการตลาดวีดีโอ ที่ดีที่สุดในตอนนี้
Cinque Terre

Pai

ปายเป็นนักเขียนและบล็อกเกอร์ที่ชื่นชอบในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ชอบการออกเดินทางและชอบการพบเจอผู้คนใหม่ๆ
หลงใหลในกาแฟ อาหาร งานเขียนต่างๆ และการเขียน SEO และโซเชียลมีเดีย
เพื่อแบ่งปันความรู้และเชื่อมโยงให้ผู้อ่านให้เข้าใจเนื้อหาเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
โดนหวังว่าในทุกบทความที่ได้เขียนขึ้นนั้น จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคนค่ะ

View Profile

b

ผลงานของเรา

รับข่าวสารเพิ่มเติม

line line