สำหรับบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก ว่าจริง ๆ แล้ว UTM คืออะไร? เทคนิคการวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการตลาด ที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้ เรียกได้ว่าเป็น เครื่องมือที่ช่วยวัดผลทางการตลาด ตัวช่วยดี ๆ ในการเก็บข้อมูล เพื่อธุรกิจของคุณ
ในปัจจุบันนี้ที่มีการแข่งขันสูงขนาดนี้ ขอแนะนำเลยค่ะ สำหรับผู้ที่ทำการตลาดออนไลน์ และคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า UTM หรือ UTM Tracking โดยถือเป็นตัวแปรพิเศษมาก ๆ สำหรับ Tracking ข้อมูลในการเข้าชมเว็บไซต์ นั่นเพราะ Web Traffic หมายถึง หลักฐานอย่างเป็นรูปธรรมที่จะสามารถแสดงให้เห็นว่ามีคนสนใจเนื้อหาของเราบนเว็บไซต์มากแค่ไหน แต่ข้อจำกัด ก็มีก็คือ URL หรือลิงก์รูปแบบปกติของเว็บไซต์ทำได้ เพียงแต่นับจำนวนการคลิกเข้าชมเท่านั้น มันไม่สามารถให้ข้อมูลในเชิงลึกว่า ว่าคลิกลิงก์มาจากช่องทางไหน หรือนำมาจากแคมเปญใด โดยในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก UTM หรือ UTM Tracking กันให้มากขึ้น แล้วมาดูกันว่า UTM คืออะไร? ทำไม ที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้? ไปดูกันเลยค่ะ
UTM หมายถึง เครื่องมือที่จะช่วยทำให้เรา สามารถรู้ได้ว่ายอด Traffic ที่เข้ามาในเว็บไซต์ นั้นมาจากที่ไหน มาจากช่องทางอะไรบ้าง หรือมาจากการจัดแคมเปญใด โดยคำว่า UTM นี้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Urchin Tracking Modules หรือหลายคนก็อาจเรียกว่า UTM Link, UTM Tracking หรือ UTM Tag นั่นเองค่ะ
จะมีลักษณะเป็น Link ของ Landing Page ที่มีความยาวขึ้นกว่าต้นฉบับ ตัวอย่าง
Link ที่ไม่ได้ทำ UTM คือ https://edenagencys.com/seo/
Link ที่ใส่ UTM คือ https://edenagencys.com/seo/?utm_campaign=/trust-rank-seo-google&utm_medium=email&utm_source=weekly-newsletter
เป็นวิธีการใช้ สามารถทำได้ด้วยการให้เราเอา Link ที่ติด UTM Tracking ไปใช้แทน Link ปกติ เพียงแค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ
ถ้าหากสรุปให้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ เลย ก็คือว่า UTM จะเป็นการใส่ Parameter ต่อท้าย URL ของหน้าเพจนั้น ๆ ที่เราต้องการติดตามเพื่อจะเป็นการ Tracking หรือติดตามดูเส้นทาง ว่ามีที่มาจากช่องทางไหนบ้าง มาจากการนำเสนอรูปแบบไหน หรือมาจากหัวข้ออะไร มันจะมีเงื่อนไขในการมองเห็นเพิ่มเติมหรือไม่ แล้วข้อมูลนั้นมาจากการนำเสนออย่างไร
ก่อนอื่นเราอยากให้คุณลองนึกถึงการติดตามพัสดุสิ่งของที่เราได้สั่งไป ว่าอยู่ที่ไหนน้า แล้วเราจะสามารถรู้ว่าส่งด้วยขนส่งอะไร จะส่งเมื่อไหร่ ทำนองนี้ค่ะ ถือเป็นหลักการเดียวกับหลักการทำงานของ UTM แต่ว่าในการทำ UTM เค้าจะเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่กลุ่มเป้าหมายของเรา ตั้งแต่เริ่มมีคนคลิก URL ที่มี UTM ติดอยู่ โดยทางฝั่งกลุ่มเป้าหมายของเรา เค้าก็จะเข้าลิงก์ไปตามปกติ แต่ว่าทางฝั่งของ Google Analytics หรือว่า เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ผล Traffic ของเว็บนั้น ๆ เค้าจะเริ่มเก็บข้อมูลจริง ๆ ว่ามี Traffic มาจากทางไหน มีคนเข้ามามากน้อยอย่างไร โดยมาจากการคลิกที่ส่วนไหน และแคมเปญอะไรนั่นเองค่ะ
เมื่อเริ่มทำการวัดผลของ UTM เป็นการติดตามเพื่อดูเส้นทางของ Traffic ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมาย สำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่จำเป็นต้องการข้อมูล ในรูปแบบี่แม่นยำไปใช้ในการพัฒนาแคมเปญ สำหรับการทำคอนเทนต์ ตลอดไปจนถึงกลยุทธ์การเลือกแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อการทำการตลาดออนไลน์ค่ะ
อย่างที่เราบอกว่า UTM นั้นเป็นการติดตามดูว่า มีคนเข้ามาจากทางไหน เข้ามายังไงแล้วมีจุดประสงค์เพื่ออะไร ข้อมูลที่ทาง UTM Tracking ให้เรานั้น บอกเลยค่ะว่ามันชัดเจนมากกว่าที่ Google Analytics จะสามารถบอกได้ เพราะว่าบางครั้ง มันอาจมีการเข้าถึงจากช่องทางแปลก ๆ ที่ทาง Google เอง เค้าก็ไม่รู้จะบอกยังไงอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถดูได้ว่ากลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ ที่ได้เข้ามาจากช่องทางไหน แ้ลวเพราะอะไรทำไมถึงเข้ามาอีกด้วย
เมื่อการทำ UTM ได้บอกเราแล้ว ว่ากลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ของเรา พวกเขาเข้ามาได้อย่างไง และมาจากทางไหน ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม ในช่องทางที่ไม่เห็นผลอีก นอกจากนี้คุณยังสามารถวิเคราะห์ตรวจสอบ เพื่อดูว่าแคมเปญหรือการนำเสนอรูปแบบใดบ้าง ที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจชื่นชอบอย่างมากที่สุด ก็จะได้ไอเดียดี ๆ ที่คุณสามารถสร้างการนำเสนอรูปแบบที่คนชื่นชอบ ให้มีมากขึ้น และยังช่วยลดการทำงานที่มันไม่จำเป็น ด้วยเหตุนี้เองค่ะที่การทำแคมเปญต่าง ๆ ก็จะลดค่าใช้จ่ายลงด้วย
โดยในปัจจุบันช่องทางการวางลิงก์ เพื่อเป็นการนำเสนอแคมเปญนั้น ก็มีได้หลากหลายทีเดียวเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ E-mail หรือการใช้ Social Media ต่าง ๆ โดยขั้นที่ว่า Source บางแห่ง มันยังอยู่นอกเหนือจาก Default ของ Google ได้เลย เพราะฉะนั้น การใช้ UTM หรือ URL Parameter เพื่อเข้ามาช่วยชี้ช่องทางเพิ่มเติมได้ จึงกลายเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่สามารถวัดผลมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ข้อมูลที่ UTM หรือ URL Parameter บอกเรานั้น คุณสามารถนำใช้วิเคราะห์ถึงที่ที่กลุ่มเป้าหมาย หรือทางผู้ชมมองเห็นว่าพวกเขาเกิดความสนใจอะไรบ้าง ในการคลิกเข้าไปจากที่ไหน โดยส่วนตรงนี้มันสามารถเป็นการกำหนดช่องทาง ที่เราจะทำการตลาดในอนาคตได้ ซึ่งจากนั้น พวกเขาคลิกจากจุดใด สำหรับส่วนนี้จะเป็นการติดตามรูปแบบ ของการวางลิงก์ในแคปชั่น หรือการวางรูปแบบของ Copy Writing ต่าง ๆ ได้อีกด้วย แล้วยังแสดงความชอบเพิ่มเติม ด้วยการคลิกมาจากแคมเปญและการนำเสนอแบบรูปแบบใด
โดยทั้งหมดนี้สามารถให้ทีมการตลาดออนไลน์ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ในการลงทุนในช่องทางที่ใช่ และวางแผนการลงมือทำการนำเสนอ เพื่อให้ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นในครั้งถัด ๆ ไป เมื่อทำเรื่อย ๆ คุณก็จะได้ชุดข้อมูลเหล่านี้ ที่มีความเหมาะสมกับเว็บไซต์มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย และมันยังช่วยส่งผลลัพธ์ให้กลุ่มเป้าหมายสนใจได้มากขึ้น
โดย UTM หรือ URL Parameter นั้นถือเป็นตัววัดผลทางการตลาดออนไลน์ ที่เป็นส่วนสำคัญที่สามารถเข้ามาช่วยเสริมให้ข้อมูลด้าน Traffic ให้มีความชัดเจนมากขึ้น นับเป็นส่วนที่สำคัญในการพัฒนาการโปรโมทในแต่ละแคมเปญการตลาดออนไลน์ของคุณได้อย่างมหาศาล นั่นเพราะส่วนของข้อมูลที่ UTM หรือ URL Parameter บอกนั้น ตั้งแต่ผู้ชมเห็นลิงก์จากที่ไหน คลิกมาจากอะไร แล้วให้ความสนใจอย่างไรกับแคมเปญรูปแบบไหน
รวมไปถึงยังบอกคุณได้ด้วยว่าในการคลิกนั้น ๆ เป็นเพราะโดนใจ กับคอนเทนต์แบบใดที่คุณสร้าง ข้อมูลเหล่านี้เองที่คุณสามารถนำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยคุณประหยัดได้ทั้งเวลา และประหยัดต้นทุนเลยทีเดียว ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือสามารถทำได้ไม่ยาก และมันไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วยนะคะ
ปายเป็นนักเขียนและบล็อกเกอร์ที่ชื่นชอบในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ชอบการออกเดินทางและชอบการพบเจอผู้คนใหม่ๆ
หลงใหลในกาแฟ อาหาร งานเขียนต่างๆ และการเขียน SEO และโซเชียลมีเดีย
เพื่อแบ่งปันความรู้และเชื่อมโยงให้ผู้อ่านให้เข้าใจเนื้อหาเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
โดนหวังว่าในทุกบทความที่ได้เขียนขึ้นนั้น จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคนค่ะ