Passorn - Aug 21 2023

ตรวจเช็กสุขภาพเว็บไซต์ยังไง ให้อันดับดีขึ้นด้วย SEO Audit


วันนี้บทความ ของเรา จะมากล่าวถึง การทำ SEO Audit ที่เปรียบเสมือน หลักการที่สำคัญ ที่จะช่วยปัดฝุ่น ให้กับเว็บไซต์ของเรา กลับมาเฉิดฉายบนหน้าแรก ของการค้นหาอีกครั้ง ไปดูกันกับ ตรวจเช็กสุขภาพเว็บไซต์ยังไง ให้อันดับดีขึ้นด้วย SEO Audit



SEO Audit คืออะไร?

กล่าวง่าย ๆ SEO Audit ก็คือ เป็นเทคนิคที่เหมือนกับการ “ตรวจร่างกาย” ของเรานั่นเอง ว่ามีจุดไหน ที่ควรจะซ่อมแซ่ม ให้มันดีขึ้นได้บ้าง และสามารถระบุปัญหา ที่ต้นเหตุได้ อย่างแม่นยำอีกด้วย ซึ่งสามารถทำเมื่อไรก็ได้ แล้วแต่เราสะดวก ที่สำคัญก็คือ แทบจะไม่ต้องใช้ต้นทุน ก็สามารถทำได้เลย

เว็บไซต์รูปแบบไหนที่ควรจะทำ SEO AUDIT 

- เว็บไซต์ที่ค้นหาได้ยาก หรือค้นหาด้วย คีย์เวิร์ด ( Keyword ) ที่เกี่ยวข้อง ก็ยังหาไม่เจอ

- เว็บไซต์ที่มีหน้าเพจ ที่เคยติดอันดับบนหน้าแรก ของการค้นหา แต่เมื่อเวลาผ่านไปอันดับก็ค่อย ๆ ตกอันดับ จนหายไปจากหน้าการค้นหา

- เว็บไซต์ที่ทำคอนเทนต์แล้ว ไม่ติดอันดับบนหน้าแรก

- เว็บไซต์ที่มีจำนวนคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้น และคู่แข่งเหล่านั้นก็มี ประสิทธิภาพที่มากกว่า

- องค์ประกอบไซต์ในการทำเนื้อหายังไม่เหมาะสม เช่น UX/UI ไม่ดี ความเร็วของเพจต่ำเกินไป หรือลิงก์เสีย เป็นต้น

การตรวจสอบ SEO สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ต่างจากการทำ SEO ดังนั้น เรามาดูแนวทางหลักในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเว็บไซต์กันดีกว่า รับอันดับที่ดีขึ้นด้วย SEO Audit

การทำ SEO AUDIT มีกี่วิธี?

  1. SEO Audit : เว็บไซต์จะต้องมี URL ของโดเมน ในเวอร์ชั่นเดียว

ซึ่งหลาย ๆ คน ก็คงจะยังไม่รู้ว่า Google จะสามารถ Index เว็บไซต์ของเรา ได้ในหลาย ๆ เวอร์ชั่นของ URL ได้ อย่างเช่น http://edenagencys.com, https://edenagencys.com, หรือ http://www.edenagencys.com และ https://www.edenagencys.com เป็นต้น

โดยการมีโดเมน ในหลาย ๆ เวอร์ชั่นเช่นนี้ มักจะไม่ส่งผลดี ต่อเว็บไซต์ เพราะว่าจะทำให้การนับสถิติต่าง ๆ นั่นแยกออกจากกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเว็บไซต์เดียวกัน ฉะนั้น เว็บไซต์ที่มีคุณภาพในสายตาของ Google จึงจะต้องมีชื่อโดเมน เพียงแค่เวอร์ชั่นเดียว ซึ่งเราจะต้องเลือกว่าจะใช้ URL ในรูปแบบไหน ที่เป็นลิงก์หลัก ระหว่าง https://edenagencys.com กับ https://www.edenagencys.com ( ซึ่งจะไม่มีความแตกต่างใน การทำ SEO ระหว่างเว็บไซต์ที่มี www กับไม่มี เพียงแค่เว็บไซต์ ในสมัยใหม่ไม่จำจะเป็นต้องมี www นำหน้า ชื่อโดเมนก็ได้ ) และจากนั้นก็ให้นำ URL ที่เหลือ เพื่อมาทำ Redirect ไปยัง URL หลักทั้งหมด ก็คือ ไม่ว่าเราจะพิมพ์ URL ไปปลายทางไหน มันก็จะแสดงผลที่หน้า URL หลักในเวอร์ชันเดียว

  1. SEO Audit : หน้าเว็บไซต์จะสามารถ แสดงผลได้ในทุกอุปกรณ์

โดยเว็บไซต์ที่ดี จะต้องไม่ใช่แสดงผลได้แค่เดสก์ท็อปเพียงท่านั้น แต่ในยุคนี้ ที่หลาย ๆ คน ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่กันอย่างมือถือ เราจะต้องทำหน้าเว็บไซต์เพื่อให้รองรับอุปกรณ์ ดังกล่าวด้วย สำหรับใครที่อยากจะ ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเรา ผ่านเกณฑ์ของ Mobile-Friendly นั้นหรือไม่ เราสามารถเข้าไปเช็กที่เครื่องมือ Google’s Mobile-Friendly

1693304948.3png
  1. SEO Audit : การเช็กคะแนนความเร็ว ของการโหลดหน้าเว็บไซต์

ซึ่งความเร็ว ในการโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือว่า Page Speed ที่ถือเป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่สำคัญ ที่จะส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO เช่นเดียวกัน โดยสถิติจาก Think With Google ที่ได้ระบุว่าประมาณ 53% ของผู้ใช้งาน ที่เข้าเว็บไซต์ผ่านมือถือ นั่นมักจะปิดหน้าเว็บไซต์ทิ้ง ถ้าหากเว็บโหลดช้าเกิน 3 วินาที ซึ่งในการตรวจสอบ ความเร็วของเว็บไซต์ ที่จะมีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

- การตรวจสอบด้วยการเปิดใช้งานจริงบนมือถือ โดยที่ความเร็ว ในการโหลดต้องไม่ช้ากว่า 3 วินาที

- การตรวจสอบโดยผ่านเครื่องมือ PageSpeed Insights ซึ่งจะต้องได้คะแนนฝั่งมือถือ 60 คะแนน ขึ้นไป

  1. SEO Audit : ควรเช็ก Core Web Vitals

Core Web Vitals ก็คือ เมตริกที่จะช่วยในการ วัดประสิทธิภาพทางด้าน User Experience หรือประสบการณ์การใช้งาน ของผู้ใช้เว็บไซต์ แน่นอนว่าย่อมจะมีผลต่อ การจัดอันดับของ SEO ด้วย ซึ่งสามารถที่จะ เข้าไปตรวจสอบที่ Google Search Console แล้วทำการเลือกหัวข้อ Core Web Vitals ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ เพื่อเช็กว่าเว็บเรามี URL ที่ดี หรือที่ไม่ดี และจะต้องปรับปรุงกี่รายการ โดยตามหลักแล้ว เว็บไซต์ควรจะมี URL ที่ดีให้ได้มากที่สุด นั่นเอง

  1. SEO Audit : การเช็กหน้า 404 Page Not Found

404 Page Not Found ก็คือ หน้าเพจที่บอตของ Google ที่ได้เคยเข้าไปเก็บข้อมูล หรือว่าเคย Index ไปแล้ว แต่เมื่อเข้ามาเก็บข้อมูลซ้ำ กลับไม่พบ URL ดังกล่าว ซึ่งสาเหตุของการเกิด 404 Page Not Found นั้น อาจจะมาจาก การแก้ไข URL แล้วเราไม่ได้ทำ Redirect หรือว่าเผลอลบหน้านั้นทิ้งไป โดยที่เราไม่ตั้งใจ ดังนั้นแล้ว เว็บไซต์ที่ดีจึงไม่ควรจะมีหน้าเพจเป็น 404 Page Not Found

1693305405.4png
  1. SEO Audit : การเช็ก On-Page SEO

On-Page SEO คือ SEO ที่เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บไซต์ ให้ตรงกับเกณฑ์ที่ Google กำหนด ซึ่งหน้าเว็บไซต์ที่จะมีโอกาสติดอันดับสูงต้องมี 6 ข้อ ดังนี้

- หัวข้อเรื่อง

- คำอธิบายเนื้อหาเว็บไซต์ หรือ Meta Description

- URL ที่สั้น และกระชับ ซึ่งง่ายต่อการจดจำ

- รูปภาพประกอบ พร้อมกับ Alt Text

- การใส่ คีย์เวิร์ด ใน H1

- กระจายคีย์เวิร์ดในเนื้อหาด้วยจำนวนที่ไม่มากและไม่น้อยเกินไปตามความยาวของเนื้อหา

  1. SEO Audit : การเช็กจำนวน Backlink คุณภาพ

Backlink ก็คือ ลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ได้เชื่อมโยงกลับมา ยังหน้าเว็บไซต์ของเรา โดยเป็นสิ่งที่บอกให้ Google ได้รับรู้ว่า เนื้อหาของเรา ได้รับการยอมรับจากเว็บไซต์อื่น โดยจะช่วยให้ อัลกอริทึมเพิ่มคะแนน ในส่วนนี้ให้กับเว็บเรา และยังมีโอกาส ติดอันดับที่สูงขึ้น อีกด้วย

1693305405.5webp

ซึ่งอย่างที่คนทำ SEO หลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทำ Backlink จะต้องโฟกัสที่คุณภาพ ไม่ใช่แค่ปริมาณ ถึงแม้ว่าการมี Backlink ที่เยอะ ๆ จะยิ่งช่วยทำให้ เราดูน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่ถ้าหากเว็บไซต์ ที่ลิงก์กลับมา ไม่ใช่เว็บไซต์คุณภาพ ผลที่ได้ก็จะตรงกันข้าม อย่างเช่น ถ้าหากเว็บไซต์ที่ทำ Backlink ให้กับเราเป็นเว็บไซต์เถื่อน Google ก็คงจะมองว่าเว็บไซต์ของเรานั้น เทียบเท่าเว็บไซต์ดังกล่าว และมีโอกาสที่สูงที่จะถูกแบนออก จากหน้าผลการค้นหาในทันที






อ่านบทความเพิ่มเติม
ทำ SEO มีกี่ประเภท อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับ ต้องรู้ไว้เลย
Cinque Terre

Passorn

เป็นนักเขียนคอนเทนต์ที่ชื่นชอบในการเขียน และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
หรือเรียกได้ว่าเป็นความสนใจเฉพาะด้านอย่างมากที่ได้นำความเชี่ยวชาญมาสู่งานเขียน
อีกทั้งยังได้เขียนคอนเทนต์ที่มีความรู้เกี่ยวกับด้านการตลาด SEO และ Digital Marketing
ที่ได้แบ่งปันความรู้ ให้กับผู้อื่น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คอนเทนต์ที่ภัสสรได้นำเสนอผ่านเว็บไซต์
จะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้เป็นอย่างมาก

View Profile

b

ผลงานของเรา

รับข่าวสารเพิ่มเติม

line line